ด้วยขนาดที่เล็กกว่าฝุ่นละอองทั่วไปทำให้ฝุ่น PM 2.5 สามารถแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเราได้ลึกจนถึงชั้นในสุดของปอดส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจสมองรวมไปถึงหัวใจอีกด้วย นอกจากนี้มันยังสามารถรวมตัวกับสารพิษ เช่น ไฮโดรคาร์บอน สารก่อมะเร็งและโลหะหนัก จากนั้นทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้สารเหล่านั้นมาเคลือบบนผิวของมันและพาสารพิษเหล่านั้น เข้าสู่ปอดและร่างกายของเราอย่างมาก

.

มีผลต่อปอดและระบบทางเดินหายใจ - ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า สามารถผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ง่ายและรวดเร็ว สาผ่านการกรองของขนจมูกเข้าสู่ชั้นในสุดของปอดได้ ทําให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ หรือโรคปอดต่าง ๆ เบื้องต้นอาจทำให้เรารู้สึกแสบจมูก ไม่สบาย ไอและมีเสมหะ อีกทั้งทำให้คนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ มีอาการกำเริบได้ง่าย หากได้รับฝุ่นในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน จะสะสมในเนื้อเยื่อปอด ส่งผลให้การทํางานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพ ทําให้หลอดลมอักเสบ รวมทั้งทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดมีอาการกำเริบ เป็นสาเหตุให้คนปกติเป็นหอบหืดได้เช่นกัน หากไม่รีบแก้ไข หรือไม่รู้ตัวว่าได้สูดเอามลพิษขนาดเล็กเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและปอดจนสะสมเป็นระยะเวลานาน ก็อาจเป็นปัจจัยนำไปสู่การเกิดมะเร็งปอดได้ในที่สุด 

.

มีผลต่อสมอง - PM 2.5 สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดการสะสม ซึ่งจะส่งผลให้เลือดมีความหนืด ความดันโลหิตสูงเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดลิ่มเลือดในสมอง รวมถึงหลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์อัมพาตและเสียชีวิต

.

มีผลต่อหัวใจ - การที่เราสูดหายใจเอาฝุ่นพิษที่ไม่รู้ว่ามีสารอันตรายอะไรบ้างเข้าไปในร่างกาย ติดต่อกันเป็นเวลานาน มีผลต่อการเกิดตะกอนภายในหลอดเลือด ทำให้เกิดหัวใจวายหรือหลอดเลือดสมองตีบ รวมถึงมีผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจรุนแรงจนถึงขั้นทำให้หัวใจวายเฉียบพลันได้ 

.

มีผลต่อผิวหนัง - PM 2.5 ทำให้เกิดผดผื่น ผิวหนังอักเสบ มีอาการแดง คัน ระคายเคืองผิว โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย โรคภูมิแพ้ผิวหนัง นอกจากนั้นทำให้ผิวหน้าของเรามันขึ้น น้ำมันบนหน้าและฝุ่นละอองจะรวมกันทำให้เกิดการอุดตันของผิว นำมาซึ่งสิวเจ้าปัญหาในที่สุด และที่สำคัญ ฝุ่นยังจะไปกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายผิว ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย รวมไปถึงเกิดฝ้าและจุดด่างดำได้อีกด้วย

.

เตรียมพร้อมป้องกัน คือ วิธีทางที่ดีที่สุด อันได้แก่ สวมอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นทุกครั้งเมื่อต้องออกจากบ้าน (N95) สวมใส่เสื้อผ้าแขนยาวเพื่อปกป้องผิวไม่ให้ระคายเคือง ทำความสะอาดผิวหรือล้างหน้าให้สะอาดทันทีหลังจากสัมผัสกับฝุ่นมลพิษ ทาครีมบำรุงผิวเพื่อให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีค่ามลพิษสูงนาน ๆ งดออกกำลังกายหรือทำงานหนักกลางแจ้ง ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทไม่ให้ฝุ่นเข้าบ้าน หมั่นทำความสะอาดบ้านไม่ให้มีฝุ่นสะสม ใช้เครื่องฟอกอากาศที่ช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ ดูแลร่างกายให้แข็งแรง กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ และ ติดตามข่าวสารค่าฝุ่นละอองในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

.

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ด้วยความห่วงใยเพื่อให้ทุกท่านปลอดภัยจากฝุ่นร้าย PM 2.5

จากใจ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่